วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การเดินทางไปสถานทูต

หลังจากที่บีเตรียมเอกสารทุกอย่างครบแล้ว ก็เดินทางไปสัมภาษณ์ยังสถานทูตอเมริกา ประจำประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ (ละลานตาค่ะ เพราะสถานทูตเยอะมาก J) บีชอบบรรยากาศของการไปสัมภาษณ์วีซ่าค่ะ ตื่นเต้นดี สนุก และท้ายทายไปอีกแบบ สัมภาษณ์วีซ่าครั้งนี้ บีเลือกไปวันที่ 29 มกราคม 2558 รอบเวลา 09.00น. ออกจากโคราชตั้งแต่ตี 4 คาดหวังว่าจะไปทันเวลา และด้วยเพราะไม่อยากลางานหลายวัน จึงเลือกที่จะไปเช้าเย็นกลับ เมื่อเข้าเขตรังสิต รถก็เริ่มติดมาเรื่อย สุดท้ายรถเข้าถึงหมอชิต ตอน 8 โมงหน่อยๆ ความรู้สึกไม่ดีเริ่มเกิดขึ้น เพราะกลัวจะไม่ทัน ขึ้นแท็กซี่ปั๊ป บอกคนขับ “ไปสถานทูตอเมริกาค่ะ หนูมีสัมภาษณ์ 9 โมง ทันมั้ยค่ะ” คนขับบอกว่า “ทันครับ ถ้ารถไม่ติดมาก” บอกตรงๆ ว่าเข้าใจและรู้เสมอว่า กรุงเทพ คือ กรุงเทพ รถติดแน่ๆ นั่งไปก็แอบน้ำตาซึม กลัวไม่ทัน สุดท้ายถึงสถานทูตแบบเฉียดฉิว (คืออีก 5 นาที 9 โมง) คนขับแท็กซี่ปลอบใจว่า “ทันนะเห็นมั้ยเหลือตั้ง 5 นาที” อารมณ์นี้หนูโล่ง! 555+
บรรยากาศด้านหน้าสถานทูตกับผู้คนที่ไปยืนรอเข้าสถานทูตเพื่อสัมภาษณ์วีซ่า
ทันทีที่ลงจากรถ ก็เห็นมหาชนล้นหลามยืนรออยู่ด้านหน้าสถานทูตเพื่อสัมภาษณ์ ก่อนอื่นต้องบอกเลยค่ะว่ากฎระเบียบของสถานทูตอเมริกาเยอะมากๆ บีไปยืนเข้าแถวเพื่อรอเข้าสถานทูต ที่นั่นจะมีเจ้าหน้าที่เดินตลอดเวลา ทั้งเจ้าหน้าที่เขียนเวลาสัมภาษณ์ และพนักงานรักษาความปลอดภัย (มีประมาณ 5-6 คน) นอกจากเจ้าหน้าที่มากแล้วยังดุอีกด้วยนะคะ J ตอนที่บีไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่แบ่งแถวออกเป็น 2 แถว คือแถวสัมภาษณ์ก่อน 10 โมง กับแถว 10 โมงขึ้นไป ส่วนสิ่งของต้องห้ามในการนำเข้าไปในสถานทูต ได้แก่
·       อุปกรณ์บรรจุแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ใดๆ เช่น แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ไดอารี่แบบดิจิตอล วิทยุติดตามตัว กล้องถ่ายรูป ตลับเทป แถบบันทึกวิดิทัศน์  ซีดีรอม เครื่องเล่น MP3 แผ่นดิสก์ Laptop หรือเครื่องเล่นขนาดพกพา
·       กระเป๋าสะพายหรือกระเป๋าถือสตรีขนาดใหญ่
·      กระเป๋าถือและกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ กระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ กระเป๋าใส่เอกสารหรือกระเป๋าเสื้อผ้า ผู้สมัครขอวีซ่าสามารถนำเอกสารที่ใช้ในการขอวีซ่าใส่ถุงหรือกระเป๋าใสเท่านั้น
·       ซองหรือพัสดุที่ปิดผนึก
·       บุหรี่ ซิการ์ กล่องไม้ขีด ไฟแช็ค
·       วัตถุมีคมทุกชนิด เช่น กรรไกร มีดพก หรือตะไบ
·       อาวุธหรือวัตถุใดๆ ที่มีสารประกอบระเบิด
ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่รายการที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นนะคะ สิ่งของประเภทอื่นอาจไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าไปภายในสถานทูตด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของพนักงานรักษาความปลอดภัย นอกจากโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สถานทูตไม่รับฝากสิ่งของต้องห้ามที่กล่าวมาข้างต้น ท่านต้องฝากเก็บสิ่งของดังกล่าวไว้ที่อื่นก่อนมาติดต่อสถานทูต
นอกจากนี้แล้วเรื่องการเล่นโทรศัพท์มือบริเวณหน้าสถานทูตก็ไม่เหมาะเป็นอย่างยิ่งนะคะ เพราะพนักงานรักษาความปลอดภัยจะเดินมาดุทันที พร้อมกล่าวหาว่าคุณไม่มีความพร้อม แล้วจะเชิญคุณไปต่อแถวด้านหลังทันที ดังนั้นปิดมือถือให้เรียบร้อย แล้วอย่าลืมนะคะว่าพกมือถือ (ที่ปิดเครื่องแล้ว) เข้าไปได้เพียงคนละ 1 เครื่องเท่านั้น
ฟังดูเครียดใช่มั้ยละ 555 บีขู่ค่ะ J เอาละคะมาถึงขั้นตอนการเข้าไปในสถานทูต ท่านจะต้องผ่านการตรวจค้นอย่างละเอียด ทั้งสแกนกระเป๋า ถ้าไม่ผ่านต้องเอาของต้องห้ามออกจากกระเป๋าและสแกนอีกรอบ ส่วนตัวท่านเองก็จะต้องผ่านเครื่องสแกน และเจ้าหน้าที่สถานทูตก็จะสแกนท่านอีกรอบค่ะ หากผ่านทุกด่านแล้วก็จะถูกต้องเข้าไปด้านในสถานทูตได้อย่างง่ายดาย......

ครั้งหน้ามาอ่านต่อกันกับบรรยากาศภายในสถานทูตพร้อมการสัมภาษณ์นะคะ J

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Visa : เรื่องของวีซ่าอเมริกา

การเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มักควบคู่กับการขอวีซ่าเสมอ 
การไปเยือนสหรัฐอเมริกาก็เฉกเช่นเดียวกัน .....


     การขอวีซ่าของบีนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วค่ะ หลักจากที่ครั้งแรกเคยขอวีซ่าท่องเที่ยวของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว (2012) ก็ได้รับวีซ่า 1 ปี มาอย่างไม่ยากเย็นนัก และครั้งที่ 2 กับการขอวีซ่าท่องเที่ยวของประเทศเยอรมนี (2013) ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ ได้รับวีซ่ามา (ตามระยะเวลาที่กำหนด 2 สัปดาห์) โดยระบุวันไปและวันกลับอย่างชัดเจน 

     หลักเกณฑ์ง่ายๆ ของการขอวีซ่าไม่ว่าประเทศใดก็ตามมีเพียง 2 เหตุผลค่ะ คือ 
1. คุณไปแล้วจะกลับมาประเทศไทยแน่นอน และ 
2. คุณจะไม่ไปทำความเดือดร้อนให้กับประเทศเขาแน่นอน

สำหรับการขอวีซ่าท่องเที่ยวของประเทศอเมริกาในครั้งนี้ นับว่ารูปแบบของการขอวีซ่าเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย สิ่งที่เราต้องดำเนินการ ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ เพียงแค่คุณหยุดฟังคนอื่นๆ นั่นเพราะสิ่งต่างๆ ที่แต่ละคนพูดจะบั่นทอนความรู้สึกคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เช่น ต้องมีเงินเยอะเป็นแสนๆ, วีซ่าอเมริกายากมากๆๆๆๆๆ....., โอ้ยขอมาไม่รู้กี่ครั้งไม่เคยได้เลย และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นอย่าฟังค่ะ เพราะการขอวีซ่าอเมริกาไม่ยากอย่างที่ทุกคนคิด 

ขั้นตอนที่บีดำเนินการในการขอวีซ่า มีตามนี้เลยค่ะ
1. กรอกเอกสารออนไลน์ (DS-160) ไปตามลิงค์นี้เลยค่ะ https://ceac.state.gov/genniv/ ระยะเวลาในกรอกคือ 1 เดือน เราสามารถเข้าไปแก้ไขเมื่อไรก็ได้ในระยะเวลาดังกล่าวนี้ โดยจะต้องมีรหัสผ่านที่ทางสถานทูตออกให้ พร้อมคำการตั้งคำถามเพื่อความปลอดภัย แล้วทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดพร้อมแผนการเดินทาง ขั้นตอนการกรอกค่อนข้างสำคัญค่ะ เพราะสิ่งที่เรากรอกไปนั้นจะต้องมีความถูกต้องและชัดเจนนะคะ
2. รูปถ่าย เป็นรูปถ่ายขนาด 2 นิ้วค่ะ (2x2) ใช้ไฟล์ภาพอัพโหลดลงในเอกสาร Ds-160 ได้เลย แล้วถือติดตัวไป 2 รูปในวันสัมภาษณ์นะคะ
3. ปริ้นหน้ายืนยัน DS-160 เพื่อใช้ประกอบการสัมภาษณ์ยังสถานทูตอเมริกา บนถนนวิทยุค่ะ
4. ขั้นตอนของการจองวันสัมภาษณ์ ต่างไปจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง จากที่เราต้องไปซื้อพิน (รหัสผ่าน) ที่ไปรษณีย์ พร้อมชำระเงิน 300 กว่าบาท แต่ครั้งนี้ไม่ต้องแล้วค่ะ จองวันสัมภาษณ์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่ต้องกรอกข้อมูลเพิ่มเติม ตามลิงค์นี้นะคะ https://cgifederal.secure.force.com/?language=Thai&country=Thailand ใส่อีเมล์พร้อมรหัสผ่าน ลิงค์นี้สามารถกรอกและแก้ไขข้อมูลได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้แล้วลิงค์นี้ยังเชื่อมโยงไปถึงการชำระค่าวีซ่าด้วยนะคะ
5. ค่าวีซ่าท่องเที่ยว หรือ วีซ่า B1/B2 มีค่าใช้จ่ายที่ $160 คิดเป็นเงินไทยก็ 5,280 บาทค่ะ เมื่อ 2 ปีที่แล้วต้องไปชำระที่ไปรษณีย์ แต่รอบนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะชำระออนไลน์ (บีลองแล้วแต่หาช่องใส่ข้อมูลไม่เจอ อิอิ) หรือชำระที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (บีเลือกชำระผ่านธนาคารค่ะ) เราจะต้องปริ้นเอกสารตามตัวอย่างด้านล่างออกมาเพื่อยื่นชำระค่าวีซ่าที่ธนาคารนะคะ 

เอกสารการชำระค่าวีซ่า ผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยา

แล้วอย่าลืมเก็บหลักฐานการชำระเงินค่าวีซ่าไว้ 
เพื่อนำไปประกอบการสัมภาษณ์ที่สถานทูตอเมริกาด้วยนะคะ

6. จองวันสัมภาษณ์ได้แล้ว ชำระค่าวีซ่าแล้ว ต่อมาคือขั้นตอนของการรวบรวมเอกสารค่ะ ถ้าอ่านจากเวบไซด์ของสถานทูต เราต้องเตรียมเอกสารเพียงไม่กี่อย่างค่ะ สิ่งที่บีเตรียมไปคือ 1. Passport ที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน 2. หน้ายืนยัน DS-160 3. ใบเสร็จชำระค่าวีซ่า 4. หนังสือรับรองการทำงาน ที่ระบุชื่อ-นามสกุล, ตำแหน่ง, เงินเดือน, ระยะเวลาไป-กลับ พร้อมยืนยันว่าเราจะกลับมาทำงานหลังจากการท่องเที่ยวสิ้นสุดลงค่ะ 5. หลักฐานการเงิน 6. หนังสือเชิญจากประเทศอเมริกา 7. หนังสืออนุญาตทำงานของแฟนบี J (บีถือไปด้วยเนื่องจากเมื่อครั้งขอวีซ่าปี 2012 เจ้าหน้าที่สถานทูตขอดูด้วย เพราะเดินทางไปและกลับพร้อมกัน เขาคงต้องการอยากรู้ว่าแฟนบีทำงานอยู่ที่ประเทศไทยจริงหรือไม่ และมีสัญญากับที่ทำงานด้วยหรือเปล่า)  
7. เดินทางไปสัมภาษณ์ตามวันและเวลาที่เราเลือกยังสถานทูตอเมริกาได้เลยค่ะ J

** อย่าลืมเตรียมเอกสารต่างๆ ให้ครบนะคะ 
ครั้งหน้าบีจะมาเล่าบรรยากาศการเข้าไปสัมภาษณ์ยังสถานทูตอเมริกานะคะ